PHRANAKHON STORY
โครงการประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมสร้างสรรค์สื่อร่วมสมัยให้หัวใจพระนคร
Supported by Thai Media Fund
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ 23 แห่ง
วัดมหรรณพาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า
เขตพระนคร กรุงเทพมหานครในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหมื่นอุดมรัตนราษี พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอรรณพ เป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า
เจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาพึ่ง กำกับราชการกรมสังฆการีและธรรมการ ได้ทรงสร้างพระอารามแห่งนี้
เมื่อ พ.ศ. 2393 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริในการก่อสร้างพร้อมพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นพระราชกุศลสมทบในการก่อสร้างจำนวน 1,000 ชั่ง
พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานไทยกับจีน เรียกว่า “แบบพระราชนิยม” ในสมัยรัชกาลที่ 3 คือ ก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา
พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ศิลปะอยุธยา ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก 7 นิ้ว สูง 5 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว
เจดีย์ทององค์ใหญ่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างขึ้น
มี 3 ต้น ต้นแรกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูก
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2527 ในโอกาสครบ 100 ปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานการศึกษา
วัดมหรรณพาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานครในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอรรณพ เป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาพึ่ง กำกับราชการกรมสังฆการีและธรรมการ ได้ทรงสร้างพระอารามแห่งนี้ เมื่อ พ.ศ. 2393 เพื่อถวายเป็น
พระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริในการก่อสร้าง
พร้อมพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นพระราชกุศลสมทบในการก่อสร้างจำนวน 1,000 ชั่ง
แต่เนื่องจากขณะนั้นพระองค์ทรงพระประชวรมาก และการก่อสร้างวัดก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี จึงได้ทรงเร่งรัดดำเนินการสร้างโบสถ์จนแล้วเสร็จ ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดสถาปนาเป็นพระอารามหลวง มีพิธีผูกพัทธสีมา และฉลองสมโภชเป็นการใหญ่ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคต
การก่อสร้างพระอารามได้ดำเนินการเรื่อยมาจนเสร็จสมบูรณ์
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 หลังจากที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนราษีได้สิ้นพระชนม์แล้ว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชศรัทธาถวายพระราชทรัพย์ 1,000 ชั่ง เพื่อสร้างพระเจดีย์ทององค์ใหญ่
โปรดให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน และโปรดให้ปลูกต้น
พระศรีมหาโพธิ์ ที่นำมาจากศรีลังกา ไว้ใกล้เจดีย์ แล้วพระราชทานนามวัดตามพระนามเดิมของผู้สร้างว่า “วัดมหรรณพาราม”
มีความหมายว่า ห้วงมหานทีที่กว้างใหญ่
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงเพื่อเป็นสถานศึกษาสำหรับบุตรหลานของราษฎรทั่วไป ณ วัดมหรรณพาราม เมื่อ พ.ศ. 2427 มีชื่อว่า “โรงเรียนวัดมหรรณพ์” โดยให้คณะสงฆ์ดูแล เป็นการพระราชทานการศึกษาออกสู่ปวงชนเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าโรงเรียนวัดมหรรณพ์ เป็นโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรแห่งแรกในประเทศไทย จากนั้นจึงโปรดให้ขยายการศึกษาออกไปทั่วราชอาณาจักร ทำให้การศึกษาของชาติเจริญพัฒนาไปทั่วประเทศตราบจนปัจจุบัน
เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานไทยกับจีน เรียกว่า “แบบพระราชนิยม” ในสมัยรัชกาลที่ 3คือ ก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หลังคามุขลด 2 ชั้น หน้ามุขประดับด้วยเครื่องกระเบื้องสีและจานเบญจรงค์ ตรงกลางเป็นรูปมังกร และที่น่าสนใจคือบานประตูและหน้าต่างด้านในทุกช่องจำหลักลวดลายศิลปะจีน เป็นลายน้ำจีนที่เรียกว่าลายประสุ ประกอบด้วยสัตว์น้ำแหวกว่าย ทั้งปู ปลา อยู่บนผิวน้ำ
หลวงพ่อบุญฤทธิ์ พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง
ศิลปะอยุธยา ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง
4 ศอก 7 นิ้ว สูง 5 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว ประดิษฐานบนพุทธบัลลังก์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี ทรงให้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ แทน “หลวงพ่อร่วง” พระพุทธรูปจากเมืองสุโขทัย
พระเจดีย์ ที่สำคัญคือเจดีย์ทององค์ใหญ่
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างขึ้น
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ มี 3 ต้น ต้นแรกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูก
ต้นที่สอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูก และต้นที่สามพระธรรมเจดีย์(ปาน) เจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัด
เป็นผู้ปลูก
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2527 ในโอกาสครบ 100 ปีที่พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานการศึกษา ให้วัดมหรรณพารามเป็นโรงเรียนหลวง
สำหรับราษฎรแห่งแรกของไทย
วัดมหรรณพารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งโปรดให้ต่อยอดพระเจดีย์องค์ใหญ่เป็นลูกแก้ว
และทองแดงกะไหล่ทองคำ พร้อมทั้งสร้างสระริมกำแพงพระอารามด้านใต้
จากนั้นก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา รวมทั้งก่อสร้างถาวรวัตถุเพิ่มเติม และเมื่อ พ.ศ. 2492 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียน
วัดมหรรณพารามเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ แต่กาลเวลาที่ผันผ่าน ส่งผลให้วัดสำคัญแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมดังนั้น เพื่อดำรงไว้ซึ่งความงดงามของ “วัดมหรรณพาราม” พระอารามหลวง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จึงได้เข้ามา
สนับสนุนงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถานต่าง ๆ เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ เป็นต้น โดยในปี 2558
ได้ดำเนินการบูรณะพระวิหารและกำแพงแก้วรอบพระวิหาร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2559