PHRANAKHON STORY

โครงการประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมสร้างสรรค์สื่อร่วมสมัยให้หัวใจพระนคร
Supported by Thai Media Fund

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ 23 แห่ง

วัดเทพธิดาราม

วัดเทพธิดาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ริมถนนมหาไชย ใกล้วัดราชนัดดา วัดเทพธิดาราม เดิมชื่อ วัดบ้านพระยาไกรสวนหลวง สิ่งสำคัญในวัดนี้
คือ พระปรางค์ทิศทั้งสี่ เป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 บุษบกที่รองรับพระประธาน
ภายในโบสถ์ ที่ประดิษฐ์อย่างสวยงามและที่ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์
แบบอย่างในรัชกาลที่ 3

สแกน AR

สัมผัสกับการท่องเที่ยวชมวัดเสมือนจริง
ได้ที่ Phranakhon story Application

วัดเทพธิดาราม

คลิกหัวข้อที่สนใจได้ที่ด้านล่างนี้

วัดเทพธิดาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2379 โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแด่พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ

พระอุโบสถสูง 16 เมตร ก่ออิฐถือปูนหลังคาซ้อน 2 ชั้น มุงกระเบื้องสีแบบไทย หน้าบันเป็นปูนปั้น ประดับกระเบื้องเป็นรูปพญานกและลวดลายทิวทัศน์แบบจีนในตอนล่าง

ก่ออิฐถือปูนหลังคาซ้อน 2 ชั้น มี 3 ตับ ตับล่างเป็นปีกนกรอบหลังคา ไม่ประดับด้วยเครื่องแต่งตก

ศาลารายมีทั้งหมด 10 หลัง สร้างคร่อมกำเพงพระอุโบสถ 8 หลัง ใช้ได้ทั้งด้านนอกและด้านใน เรียกว่าเป็นศาลา 2 หน้า

ศาสาการเปรียญก่ออิฐถือปูนทรงโรงแบบมีหน้ามุขหลัง ฐานเป็นฐานสิงห์ พนักระเบียงประดับด้วยกระเบื้องปรุลายดอกประจำยาม

พระปรางค์มีทั้งหมด 4 องค์ ตั้งประจำทิศทั้ง 4 ของมุมพระอุโบสถ [3] คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้

ประวัติการก่อตั้ง

วัดเทพธิดาราม

วัดเทพธิดาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ริมถนนมหาไชย ใกล้วัดราชนัดดา วัดเทพธิดาราม เดิมชื่อ วัดบ้านพระยาไกรสวนหลวง สันนิษฐานว่า เรียกตามบริเวณที่สร้าง ที่เป็นสวนไร่นา และคงเป็นที่ของพระยาไกร เจ้านายหรือขุนนาง วัดเทพธิดารามวรวิหารเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ หรือ พระเจ้าลูกเธอ พระองศ์เจ้าวิลาส พระราชธิดาองค์ใหญ่
ในรัชกาลที่ 3 สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2379 เสร็จในปี พ.ศ. 2382 สิ่งสำคัญในวัดนี้คือ พระปรางค์ทิศทั้งสี่ เป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 บุษบกที่รองรับพระประธาน
ภายในโบสถ์ ที่ประดิษฐ์อย่างสวยงามและที่ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์ แบบอย่างในรัชกาลที่ 3 วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของสุนทรภู่กวีเอก
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่าง พ.ศ. 2383 - 2385 เมื่อคราวบวชเป็นพระภิกษุ ปัจจุบันยังมีกุฏิหลังหนึ่ง เรียกว่า "บ้านกวี" เปิดเป็น พิพิธภัณฑ์

วัดเทพธิดาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2379 โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแด่พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ ซึ่งภายหลังได้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาขึ้นทรงกรมเป็นกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาที่พระบรมชนกนาถทรงโปรดปรานยิ่งนัก เพราะทรงเป็นพระราชธิดา
รับราชการใกล้ชิดของพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริให้สร้างถาวรวัตถุ
ไว้เฉลิมพระเกียรติยศจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ให้กรมหมื่นภูมินทรภักดี (พระองค์เจ้าชายลดาวัลย์)
เป็นแม่กองอำนวยการสร้างวัดนี้ที่ตำบลสวนหลวง
พระยาไกร ในการสร้างวัดนี้ พระเจ้าลูกเธอกรมหมื่น
อัปสรสุดาเทพได้ทรงบริจาคทุนส่วนพระองค์ร่วมด้วย ด้วยเหตุนี้จึงพระราชทานนามว่า วัดเทพธิดาราม

สุนทรภู่เคยอุปสมบทและจำพรรษาที่วัดเทพธิดาราม
นี้ในปี พ.ศ. 2382-2385 ในระหว่างนั้นได้ประพันธ์บทกลอนไว้หลายเรื่อง แต่เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดเทพธิดารามมากที่สุดคือเรื่อง “รำพันพิลาป” ซึ่งพรรณาถึง
ความสวยงามวิจิตรพิสดารทิวทัศน์ ตลอดจนเครื่องประดับประดาพระอารามและปูชนียวัตถุหลายประการ ปัจจุบันทางวัดได้ตั้งชื่อกุฏิที่ท่านเคยอาศัยอยู่ว่า “กุฏิคณะสุนทรภู่”
และหล่อรูปเครื่องตัวของสุนทรภู่ไว้ที่กุฏิเพื่อเป็นอนุสรณ์ สถาปัตยกรรมที่สำคัญ

วัดเทพธิดาราม

พระอุโบสถ

พระอุโบสถสูง 16 เมตร ก่ออิฐถือปูนหลังคาซ้อน 2 ชั้น มุงกระเบื้องสีแบบไทย หน้าบันเป็นปูนปั้น ประดับกระเบื้องเป็นรูป
พญานกและลวดลายทิวทัศน์แบบจีนในตอนล่าง พญานกนี้ถือเป็นเครื่องหมายพระราชินี คู่กับมังกรซึ่งเป็นเครื่องหมายของ
พระราชา พญานกจะมาปรากฎให้เห็นเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงพระราชธรรมเป็นเครื่องหมายว่า สวรรค์ทรงโปรดปราน ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นปูนปั้นปิดทองลายดอกพุดตานอยู่ในกระเช้า บานประตูและหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ เทพและนางอัปสรอยู่ภายในวิมานและกนกลายเปลวเพลิง เสาเหลี่ยมลบมุมไม่มีลวดลายที่ปลายเสา ฐานพระอุโบสถเป็นฐานสิงห์มีระเบียงรอบพระอุโบสถ
พนักระเบียงมีกระเบื้องปรุลายดอกประจำยามซ้อนกัน 3 ชั้น เสาบันไดมีสิงโตประดับอยู่บนปลายซุ้มมีเสมาแบบจีน ภายในมีภาพเขียนสีด้วยสีฝุ่นดังนี้ คือ เพดานมีดาวเพดาน คอสองเป็นลายพวงมาลัย เสาเหลี่ยมหลบมุมขนาดใหญ่ ภายในพระอุโบสถมีลายดอกพุดตาน ส่วนล่างของเสาปูนนี้ประดับด้วยแผ่นหินอ่อน ฝาผนังลายพุ่มข้าวบิณฑ์ดอกพุดตาน บานหน้าต่างในและบานประตูด้านในเป็นลายโคมจีนและส่วนลึกของประตูหน้าต่างเป็นลายแจกันดอกไม้ ฝาผนังและเสามีภาพใส่กรอบเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ
เกร็ดพงศาวดารจีน ซุ้มประตูกำแพงพระอุโบสถประดับด้วยลายประแจจีนและลายพวงมาลัยภายในมีลายลักษณ์

วัดเทพธิดาราม

พระวิหาร

ก่ออิฐถือปูนหลังคาซ้อน 2 ชั้น มี 3 ตับ ตับล่างเป็นปีกนกรอบหลังคา ไม่ประดับด้วยเครื่องแต่งตก หน้าบันทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีลวดลายเหมือนกันกับพระอุโบสถ ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นปูนปั้นปิดทองลายดอกพุดตาน บานประตูหน้าต่างด้านนอกมีลวดลายประดับ แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนบนของบานประตูเป็นลายรดน้ำทวารบาล ส่วนของบานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ
ดอกพุดตาน แต่ส่วนล่างของบานประตูและหน้าต่างเป็นภาพพุทธประวัติ บานประตูหน้าต่างด้านในเป็นลายเขียนสีลวดลาย
แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนบนเป็นลายกระถางบัวตั้งอยู่บนโต๊ะ ส่วนกลางเป็นลายแจกันดอกไม้ และส่วนล่างเป็นลายกระถางดอกไม้ ส่วนลึกของประตู หน้าต่างเป็นลายดอกบัว ปลา และนำ เพดานมีลายดาว เพดานบริเวณคอสองเป็นพวงมาลัย
มีภาพเขียนของ ศ. ธรรมภักดี แขวนใส่กรอบไว้เหนือบานประตูและหน้าต่างเป็นเรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์ ฐานพระวิหาร
เป็นฐานสิงห์เสาเหลี่ยมลบมุม ไม่มีลวดลายที่ปลายเสา พนักระเบียงประดับด้วยกระเบื้องปรุสีเขียว 2 ชั้น เป็นลายประจำยาม
และลายดอกไม้ พระวิหารมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 1 องค์ กำแพงรอบพระวิหารประดับกระเบื้องปรุสีน้ำตาล 2 ชั้น ลายประจำยาม

วัดเทพธิดาราม

ศาลาการเปรียญ

ศาสาการเปรียญก่ออิฐถือปูนทรงโรงแบบมีหน้ามุขหลัง ฐานเป็นฐานสิงห์ พนักระเบียงประดับด้วยกระเบื้องปรุลายดอก
ประจำยาม หลังคาหลังคาซ้อน 2 ชั้นมี 3 ตับ ตับล่างเป็นปีกนกมุงด้วยกระเบื้องเกล็ด ไม่มีช่อฟ้า ในระกา หางหงส์ หน้าบัน
ด้านหน้าและด้านหลังมีลวดลายเหมือนกัน คือ หน้าบันมีกรอบล้อ 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นลายเกลียวใบเทศ ชั้นในเป็นลายใบเทศ
ส่วนบนของหน้าบันมีกรอบล้อมเป็นลายพวงอุบะอีกชั้นหนึ่ง ภายในเป็นลายพญานก คอสองส่วนบนเป็นลายดอกพุดตาน
และลายเฟื่องอุบะ ส่วนล่างเป็นลายดอกไม้และนก ลายเหล่านี้ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสี ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นดอกไม้บาน บานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ ส่วนบนเป็นลายดอกพุดตาน ส่วนล่างเป็นเรื่องพุทธชาดก เสาเป็นเสาเหลี่ยมลบมุม
ไม่มีลายที่ปลายเสาฐาน หน้าประตูทางเข้าศาลาการเปรียญมีสิงโตหินประดับกำแพงศาลาการเปรียญประดับด้วยกระเบื้องปรุ
มีลายประแจจีนที่ซุ้มประตู ด้านหน้าศาลาการเปรียญมีเจดีย์ทรงกลมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส
กว้าง-ยาว ประมาณ 2.70 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร

วัดเทพธิดาราม

ศาลาราย

ศาลารายมีทั้งหมด 10 หลัง
สร้างคร่อมกำเพงพระอุโบสถ 8 หลัง ใช้ได้ทั้งด้านนอกและด้านใน เรียกว่าเป็นศาลา 2 หน้า ศาลารายอีก 2 หลังอยู่ในบริเวณด้านหน้าพระวิหาร
ศาลาทั้งหมดนี้ใช้เป็นที่พักอาศัยบำเพ็ญกุศล และเป็นสถานที่ศึกษา
พระปริยัติธรรมของพระภิกษุสามเณร พระวิหารน้อย มี 2 หลังตั้งอยู่ภายในกำแพงพระวิหารใหญ่

วัดเทพธิดาราม

พระปรางค์

พระปรางค์มีทั้งหมด 4 องค์ ตั้งประจำทิศ
ทั้ง 4 ของมุมพระอุโบสถ [3] คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
พระปรางค์ทั้ง 4 นี้ แต่ละองค์ตั้งอยู่
บนลานทักษิณสูง ที่ฐานปรางค์แต่ละองค์
มีท้าวจตุโลกบาล คือ ท้าวธตรฐ วิรุฬหก
วิรุปักข์ และกุเวร ประจำรักษาในทิศทั้ง 4

นอกจากนี้วัดเทพธิดารามยังมีเครื่องประดับพระอาราม ได้แก่ ตุ๊กตาศิลาจีนที่มีทั้งที่เป็น
รูปสัตว์และคน ตุ๊กตารูปคนตั้งอยู่ในบริเวณรอบพระอุโบสถ มีลักษณะที่น่าสนใจคือ
บางตัวมีลักษณะท่าทางและการแต่งกาย
แบบจีน บางตัวแต่งตัวแบบไทย เช่น
ตุ๊กตาสตรีชาววังนั่งพับเพียบเท้าแขน
และตุ๊กตาสตรีอุ้มลูก เป็นต้น

อ้างอิงจาก
หนุ่มลูกทุ่ง. (2548). เที่ยว “วัดเทพธิดาราม” ชมความงามศิลปะสมัย ร.3. ผู้จัดการออนไลน์, สืบค้นจาก https://www.mgronline.com/travel/detail/9480000043523
วงศ์ฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา. การศึกษาสถาปัตยกรรมในเขตพุทธาวาสวัดเทพธิดารามวรวิหาร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2538.
กรมศิลปากร. รายงานการสำรวจโบราณสถานในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : งานผังรูปแบบ ฝ่ายอนุรักษ์โบราณสถาน กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2538.