PHRANAKHON STORY

โครงการประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมสร้างสรรค์สื่อร่วมสมัยให้หัวใจพระนคร
Supported by Thai Media Fund

13 แห่งศาลเจ้าสำคัญในเขตพระนคร

ศาลหลักเมือง

ศาลหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2325 ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น เป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์มี
ไม้แก่นจันทน์ประกับนอก ยอดเสารูปบัวตูม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325
ณ ชัยภูมิใจกลางพระนครใหม่ที่พระราชทานนามว่า “กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา”

สแกน AR

สัมผัสกับการท่องเที่ยวชมวัดเสมือนจริง
ได้ที่ Phranakhon story Application

ประวัติ
ศาลเจ้า

ศาลหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น เป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์มีไม้แก่นจันทน์ประกับนอก ยอดเสารูปบัวตูม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 ณ ชัยภูมิใจกลางพระนครใหม่ที่พระราชทานนามว่า
“กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา” หรือเรียกต่อกันมาว่า “กรุงเทพมหานคร” สถิตสถาพรเป็นมิ่งขวัญประชาชนชาวไทย จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่แทนต้นเดิมที่ชำรุดไปตามกาลเวลา เป็นเสาไม้สักเป็นแกนอยู่ภายในประกับ
ด้วยไม้ชัยพฤกษ์ยอดเม็ดทรงมัณฑ์ และผูกดวงชาตาพระนครขึ้นใหม่ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย
ที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารประสบความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาถาวรยิ่งขึ้น

ในปีพุทธศักราช 2525 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนิน ณ ศาลหลักเมือง ในพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่มหานครตามโบราณราชประเพณี และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการดำเนินการปรับปรุงศาลหลักเมืองให้มีความงดงามบริบูรณ์สมกับเป็นที่สถิตแห่งองค์พระหลักเมือง และให้เชิญ
เสาหลักเมืองต้นเดิมไปประดิษฐานไว้คู่กับเสาหลักเมืองต้นปัจจุบัน เมื่อบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จสมบูรณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีสมโภชพระหลักเมือง
ณ วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2529

ในการนี้ คณะกรรมการดำเนินการปรับปรุงศาลหลักเมือง ได้กราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จ
พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นทรงดำรง
พระราชอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์การดำเนินงานปรับปรุงศาลหลักเมือง

รวมทั้งได้สร้างศาลเทพารักษ์เพื่อเป็นที่สถิตแห่งเทพารักษ์ทั้ง 5 ได้แก่ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง
พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง และอาคารหอพระพุทธรูปขึ้นอีกด้วย ศาลหลักเมืองมีพื้นที่
อยู่ในอาณาบริเวณของกระทรวงกลาโหม โดยเริ่มแรกในปี 2480 กระทรวงกลาโหมได้มอบหมาย
ให้กรมเชื้อเพลิงเป็นผู้ดูแล เมื่อกรมเชื้อเพลิงถูกยุบภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กระทรวงกลาโหม
จึงมอบให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นผู้ดูแลตั้งแต่ปี 2491 โดยองค์การฯ ได้กำหนดให้สำนักงานกิจการศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นหน่วยงานกิจการพิเศษขององค์การฯ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบศาลหลักเมือง รวมทั้งอาคารและบริเวณอันเป็นสถานที่สำคัญของชาติ การบูรณปฏิสังขรณ์ ดำเนินกิจการเพื่อให้บริการแก่ประชาชน
ผู้มาสักการะ และเก็บรักษาผลประโยชน์จากการนั้นสนับสนุนกิจการขององค์การฯ ตลอดจนร่วมสาธารณะกุศลอื่น ๆ มีผู้อำนวยการสำนักงานกิจการศาลหลักเมือง เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ และผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นประธานกรรมการบริหารสำนักงานกิจการศาลหลักเมือง

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของท้องสนามหลวง
ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ใกล้ๆ กับ กระทรวงกลาโหม เป็นศาลที่สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนา
กรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ใน สมัยรัชกาลที่ 1 ปี พ.ศ. 2325 ตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้นนั่นเอง

สถาปัตยกรรม

พระราชพิธียกเสาหลักเมือง ขึ้นนั้น ได้ใช้เป็น เสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้แก่นจันทน์ประกับนอก ยอดเสารูปบัวตูม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 กลางพระนครใหม่ ที่พระราชทานนามว่า “กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา” ซึ่งเราเรียกต่อกันมาว่า “กรุงเทพมหานคร”

นับว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่อยู่คู่กรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน
ปัจจุบันศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ มี เสาหลักเมือง 2 เสา ด้วยกัน เพราะเสาเดิมมีการชำรุดลงอย่างมาก
และในสมัย รัชกาลที่ 4 จึงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่แทนต้นเดิมที่ชำรุดไป


เสาหลักเมืองใหม่นี้ เสาไม้สัก เป็นแกนอยู่ภายในประกับด้วยไม้ชัยพฤกษ์ยอดเม็ดทรงมัณฑ์ และผูกดวงชะตาพระนครขึ้นใหม่ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทั้งหลายประสบความเจริญรุ่งเรืองถาวรยิ่งขึ้นนั่นเอง

ศาลหลักเมือง ได้รับการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง ในปี พ.ศ.2523 มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่
เพื่อเตรียมการเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ 200 ปี ทำให้ศาลหลักเมืองได้รับ
การบูรณะอย่างสวยงาม

สำหรับศาลาศาลหลักเมืองหลังปัจจุบันนี้ มีรูปแบบเป็นอาคารเครื่องปูน ทรงยอดปรางค์ มีมุขยื่นทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีหลังคาซ้อน 2 ชั้น และมีมุขลดอีกด้านละ 1 ชั้น มีหลังคากันสาดโดยรอบ เครื่องมุงประดับ
กระเบื้องเคลือบ ตามลักษณะสถาปัตยกรรมอยุธยาในอดีต ซึ่งได้รับการออกแบบโดย พล.อ.ต. อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะสถาปัตยกรรม และ รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชวินิจฉัยในงานออกแบบครั้งนี้ด้วย นอกจาก เสาหลักเมือง แล้ว ภายในศาลหลักเมือง ยังสร้าง ศาลเทพารักษ์ เพื่อเป็นที่สถิตแห่งเทพารักษ์
ทั้ง 5 ได้แก่ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และ เจ้าหอกลอง
และอาคารหอพระพุทธรูปขึ้นภายในอีกด้วย ซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน

วิธีการบูชา

ขั้นตอนการไหว้ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร

ขั้นตอนการไหว้ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร การไหว้ศาลหลักเมืองที่ถูกต้องนั้น จะมีอยู่ 5 จุดด้วยกัน
ซึ่งต้องเรียงไปตามลำดับ
จุดที่ 1 หอพระพุทธรูป
จุดที่ 2 องค์พระหลักเมือง จำลอง
จุดที่ 3 องค์พระหลักเมือง องค์จริง
จุดที่ 4 หอเทพารักษ์ทั้ง 5
จุดที่ 5 เติมน้ำมันพระประจำวันเกิด และสะเดาะเคราะห์

การแต่งกายในการเข้าชมศาลหลักเมือง

ผู้ชาย : ควรสวมเสื้อสีสุภาพ กางเกงขายาว หลีกเลี่ยง เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด
ผู้หญิง : ควรแต่งกายมิดชิด สวมเสื้อมีแขน กระโปรง หรือ กางเกงคลุมเข่า หลีกเลี่ยง เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด กางเกงสั้น กระโปรงสั้น และชุดรัดรูป

ความเชื่อ

ความเชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองนั้น มีความร่มเย็นเป็นสุข เพราะว่าเสาหลักเมือจะเป็นที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งปกป้องคุ้มครองเมืองนั้นๆ นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมี ตำนานศาลหลักเมือง ที่ไม่มีบันทึกในพงศาวดาร เป็นเรื่องเล่าปากต่อปากกันว่า ในพิธีฝังเสาหลักเมืองนั้น จะจับคน 4 คน ฝังลงไปในหลุมทั้งเป็น เพื่อให้วิญญาณของคนเหล่านั้นอยู่เฝ้าหลักเมือง เป็นผีเฝ้าคุ้มครองบ้านเมือง ป้องกันภัยต่างๆ จากศัตรู ซึ่งความเชื่อนี้ เป็นเพียงเรื่องเล่า การตั้งเสาหลักเมือง เป็นไปตามความเชื่อ และสิริมงคลแก่บ้านเมืองต่างๆ ที่ได้สร้างขึ้น ทำให้นอกจาก กรุงเทพฯ แล้ว จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยก็มีศาลหลักเมืองเช่นกันค่ะ เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในเมือง

อ้างอิงจาก
[1] สำนักงานกิจการศาลหลักเมือง. ประวัติศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร. สืบค้นจาก https://www.bangkokcitypillarshrine.com/Content/History
[2] AungAoey. (2564). เที่ยวกรุงเทพ ไหว้ขอพร ศาลหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ประวัติ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร. Trueid travel. สืบค้นจาก https://travel.trueid.net/detail/gEwJJdXKdxyk