PHRANAKHON STORY
โครงการประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมสร้างสรรค์สื่อร่วมสมัยให้หัวใจพระนคร
Supported by Thai Media Fund
13 แห่งศาลเจ้าสำคัญในเขตพระนคร
เทวาลัยพระวิษณุ
ศาลสัมพันธไมตรีไทย-อินเดีย เกาะกลางถนนระหว่างวัดสุทัศน์กับโรงเรียนเบญจมราชาลัยฯ จะพบซุ้มเล็กๆ ของเทวาลัยพระวิษณุ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีพระรูปปฏิมากรรมพระวิษณุซึ่งอัญเชิญมาจากอินเดีย
เกาะกลางถนนระหว่างวัดสุทัศน์กับโรงเรียนเบญจมราชาลัยฯ จะพบซุ้มเล็กๆ ของเทวาลัยพระวิษณุ
ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีพระรูปปฏิมากรรมพระวิษณุซึ่งอัญเชิญมาจากอินเดีย เพื่อแสดงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและอินเดีย ในโอกาสครบรอบรัตนโกสินทร์ 200 ปี สำหรับพระวิษณุเชื่อว่าเป็นเทพผู้ดูแลรักษาทุกสรรพสิ่ง
ผู้คนจึงมักมาสักการะ กราบไหว้ขอพร ทั้งชาวไทยและชาวอินเดีย [1]
พระวิษณุมหาเทพองค์นี้ประดิษฐาน
ณ เทวาลัยพระวิษณุ ถนนศิริพงษ์ (ข้างวัดสุทัศน์ฯ) แขวงเสาชิงช้า ประวัติการสร้างเทวลัยสืบเนื่องในโอกาส
ที่กรุงเทพมหานคร ได้มีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2525
สมาคมหอการค้าอินเดีย-ไทย ได้แสดงเจตจำนงมอบเทวรูปปฏิมากรรมพระวิษณุหินน้ำนมที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย เพื่อเป็นเครื่องแสดงถึงสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างไทยและอินเดีย โดยได้ประดิษฐาน
องค์พระวิษณุบริเวณเกาะกลางถนนระหว่างวัดสุทัศน์กับโรงเรียนเบญจมราชาลัยฯ เป็นที่สาธารณะใจกลางกรุงเทพ สะดวกแก่ผู้คนที่มาเคารพบูชาทั้งชาวไทยและชาวอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาสักการะบูชาเป็นจำนวนมาก จนถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กรุงเทพอีกแห่งหนึ่ง
พระวิษณุ หรืออีกชื่อก็คือ พระนารายณ์ ซึ่งเป็นเทพแห่งการปกปักรักษา ด้วยพระวิษณุปรารถนาจะให้
ทุกสรรพสิ่งบนโลกพ้นจากสิ่งชั่วร้าย และอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข จึงเน้นขอพรให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข
เพราะมีเทวานุภาพขจัดเหล่ามารและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ดังที่พระวิษณุ (พระนารายณ์) อวตารลงมายังโลกมนุษย์ เป็น “พระราม” จากวรรณคดีเรื่องรามายณะหรือรามเกียรติ์ เพื่อปกป้องโลก